ฟอร์มของ ฟิล โฟเดน: ดาวเตะแมนฯ ซิตี้ สู่การเป็น 'ตัวเปลี่ยนเกม' ของเป๊ป

ฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของ ฟิล โฟเดน ได้ผลักดันให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นทรงอิทธิพลที่สุดของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ จากที่เคยเป็นเพียงดาวรุ่งอนาคตไกลจากอคาเดมี่ของสโมสร ปัจจุบันโฟเดนได้กลายเป็นหัวใจสำคัญในแผนการทำทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลา ด้วยผลงานการทำประตู, การจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตู (แอสซิสต์) และฟอร์มการเล่นที่ครบเครื่องจนทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่ทีมจะขาดไปไม่ได้
โฟเดนกลับมาสู่ฟอร์มเก่งอีกครั้งด้วยการทำประตูในเกมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทำแอสซิสต์ในเกมกับนาโปลี การประสานงานที่เข้าขากันระหว่างเขากับเฌเรมี โดกู ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ค่อยๆ กลับคืนสู่ฟอร์มที่ดีที่สุดของทีมอีกครั้ง
หลังจากคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (FA) ในฤดูกาล 2023/24 โฟเดนกลับมีผลงานที่ค่อนข้างธรรมดาในฤดูกาล 2024/25 ซึ่งทัพ "เรือใบสีฟ้า" จบฤดูกาลแบบมือเปล่า และหนึ่งในสาเหตุสำคัญก็มาจากฟอร์มที่ต่ำกว่ามาตรฐานของเขานั่นเอง
โดยในฤดูกาล 2023/24 โฟเดนทำไป 27 ประตู กับ 11 แอสซิสต์ แต่สถิติดังกล่าวลดลงเหลือเพียง 13 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ในฤดูกาล 2024/25
ฟอร์มของ ฟิล โฟเดน คือหัวใจสำคัญของแมนเชสเตอร์ ซิตี้
ในวัย 25 ปี โฟเดนลงเล่นให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปแล้วกว่า 300 นัด เขาคือหนึ่งในผู้เล่นที่มีประสบการณ์มากที่สุดในทีม และในช่วงหลังได้รับบทบาทเป็นกองกลางตัวกลางเป็นหลัก
ฟิล โฟเดน ในสีเสื้อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้เป็นเพียงดาวรุ่งที่มีแววอีกต่อไป แต่เขากลายเป็นหนึ่งในผู้นำที่แท้จริงของทีมในสนามแล้ว
เมื่อไม่มี เควิน เดอ บรอยน์ อยู่ในทีม โฟเดนจึงก้าวขึ้นมารับบทบาทเพลย์เมกเกอร์หมายเลข 10 ให้กับทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลา และเมื่อมีกองหน้าที่เฉียบคมอย่าง เออร์ลิง ฮาลันด์ ยืนอยู่ข้างหน้า เขาก็ไม่มีอะไรต้องกังวล ฟอร์มการเล่นของโฟเดนในบทบาทใหม่นี้ อาจเป็นตัวตัดสินว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะไปได้ไกลแค่ไหนในฤดูกาลนี้
ดาวเตะชาวอังกฤษรายนี้มีความสามารถในการทำประตูจากนอกกรอบเขตโทษ รวมถึงการสอดเข้าไปในกรอบเขตโทษเพื่อจบสกอร์ด้วยการโหม่งหรือวอลเลย์ ด้วยจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ ทำให้โฟเดนมีความเร็วสูงเมื่อเลี้ยงบอลหรือทะยานไปข้างหน้าโดยไม่เสียการทรงตัว ความสามารถรอบด้านนี้ทำให้เขาสามารถสร้างประสิทธิภาพได้ในแทบทุกสถานการณ์เกมรุก
ที่สำคัญที่สุดคือ เขาสนุกกับการเป็นส่วนหนึ่งของเกมการเล่นแบบส่งบอลสั้นอันเป็นเอกลักษณ์ของแมนฯ ซิตี้ การมี โรดรี้ และ ทิยานี่ ไรน์เดอร์ส คอยคุมเกมอยู่ด้านหลังในระบบกองกลางตัวรับคู่ จะทำให้โฟเดนไม่ต้องกังวลกับการลงไปช่วยเกมรับ และสามารถทุ่มเทพลังงานทั้งหมดไปกับการเจาะแนวรับของคู่แข่งได้เต็มที่ ในการขาดหายไปของ เดอ บรอยน์ ทัพ "เรือใบสีฟ้า" จะต้องการประกายความคิดสร้างสรรค์และ "เอ็กซ์แฟกเตอร์" ที่ทุกทีมปรารถนาจากโฟเดน
บททดสอบครั้งสำคัญรออยู่ข้างหน้า
ทัพ "เรือใบสีฟ้า" มีโปรแกรมบุกไปเยือน "ปืนใหญ่" อาร์เซนอล ในศึกพรีเมียร์ลีกนัดถัดไป วันเสาร์ที่ 20 กันยายนนี้ ซึ่งถือเป็นแมตช์สำคัญ และผู้ชนะอาจสร้างความได้เปรียบอย่างมากในช่วงต้นฤดูกาล อย่างไรก็ตาม หากซิตี้ต้องการเจาะแนวรับที่แข็งแกร่งของอาร์เซนอล โฟเดนจะต้องโชว์ฟอร์มเก่งออกมาให้ได้
นอกจากนี้ยังมีแรงจูงใจในการติดทีมชาติอังกฤษเพื่อไปลุยศึกฟุตบอลโลกในปีหน้าอีกด้วย แม้ว่าช่วงหลังโฟเดนจะพบกับความยากลำบากในการสอดแทรกเป็น 11 ตัวจริงของทัพ "สิงโตคำราม" แต่ฤดูกาลนี้ก็เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้สร้างความประทับใจให้กับ โธมัส ทูเคิล ผู้จัดการทีมชาติคนปัจจุบัน
การแข่งขันในแดนกลางของทีมชาติอังกฤษนั้นสูงมาก เมื่อมีผู้เล่นอย่าง โคล พาลเมอร์, จู๊ด เบลลิงแฮม และ เอเบเรชี เอเซ อยู่ในทีม ตอนนี้คงต้องรอดูกันต่อไปว่าเขาจะสามารถกลับคืนสู่ฟอร์มที่ดีที่สุดได้หรือไม่ ทั้งกับสโมสรและทีมชาติ ซึ่งแฟนบอลอังกฤษต่างหวังว่าเขาจะทำได้สำเร็จ
ท้ายที่สุดแล้ว ฟอร์มการเล่นของ ฟิล โฟเดน กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขความสำเร็จทั้งในระดับสโมสรและสานฝันในระดับนานาชาติของเขาให้เป็นจริง
โพสต์ฮอต
-
พรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก: อาร์เซน่อล vs แมนเชสเตอร์ ซิตี้
-
อาร์เซนอล ปะทะ แมนฯ ซิตี้: วิเคราะห์ก่อนเกมบิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก
-
ลือหนัก! บัลลงดอร์ 2025 หลุดรายชื่อ ยามาล แซง เดมเบเล่ คว้าชัย, เอ็มบัปเป้ อยู่ที่ 9
-
พรีวิวฟุตบอล ลาลีกา: บาร์เซโลน่า vs เกตาเฟ่
-
พรีวิวฟุตบอล เซเรียอา: อินเตอร์ มิลาน vs ซัสเซาโล่
-
พรีวิวฟุตบอล เซเรียอา: นาโปลี vs ปิซ่า