ยามาลไม่สนเสียงวิจารณ์! ลั่น "ถ้าไม่มีผลงานในสนามคงไม่มีใครพูดถึงผม"

ลามีน ยามาล ให้สัมภาษณ์กับโทรทัศน์แห่งชาติสเปน พูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อต่างๆ เช่น คำวิจารณ์ของ ฟลิค ที่มีต่อทัศนคติของทีม, นีโก้ เพื่อนสนิท, การที่เฟร์มินตัดสินใจอยู่ต่อ และฟุตบอลโลก

พูดถึงที่ฟลิคเตือนนักเตะว่าอย่าหยิ่ง

“ทุกคนมีความเห็นของตัวเองครับ หลังจากเกมที่เสมอแล้ว อารมณ์ก็ย่อมจะขึ้นๆ ลงๆ บ้าง เพราะเป้าหมายสุดท้ายก็คือการชนะอยู่ดี แต่ผมไม่คิดว่ามันเกี่ยวกับทัศนคตินะครับ หลังจากที่เราเล่นเกมเยือนที่ยากมากๆ เราเก็บได้ 7 จาก 9 แต้มที่ควรจะได้ ผมว่าหลายคนไม่ทันสังเกตเรื่องนี้ เรายังไม่ได้เล่นในบ้านเลย มีแต่เกมเยือน ดังนั้นผมไม่คิดว่ามันเกี่ยวกับทัศนคติ มันแค่เป็นเกมที่ไม่ใช่ของเรา การเริ่มต้นของเราไม่ดีเท่าตอนจบเกม ฟลิคพูดว่าเราทำผิดพลาดเยอะ ซึ่งเขาก็พูดถูกครับ แต่มันเกิดขึ้นได้ในทุกเกม เราต้องรีบกลับมาอยู่ในฟอร์มและเตรียมพร้อมสำหรับเกมต่อไป การคว้าแชมป์ซ้ำอีกครั้งหลังจากที่เพิ่งได้แชมป์ไป เป็นเรื่องที่ยากที่สุดครับ แต่เราเป็นทีมที่ยังหนุ่ม และเราไม่ได้มีประวัติศาสตร์การคว้าแชมป์ติดต่อกัน 4 ปี เรามักจะต้องการมากกว่านั้นเสมอ แต่ลีกมันยาวนาน และคุณต้องรักษาฟอร์มการเล่นให้คงที่ เรามั่นใจว่าจะคว้าแชมป์ลีกได้อีกครั้ง”

พูดถึงการอยู่กับนักเตะอายุน้อย

“ผมเข้ากับกาวีได้ดีมากครับ และเข้ากับนีโก้ได้ดีเช่นกัน รวมถึงบัลเด้, กาซาโด้... ผมว่าผมเข้ากับนักเตะอายุน้อยทุกคนได้ดี ความสัมพันธ์ดีมากครับ”

พูดถึงคำวิจารณ์จากภายนอก

“พูดตามตรงนะครับ คำวิจารณ์พวกนี้ไม่มีผลกับผมเลย ผมเข้าใจมานานแล้วว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชีวิตผม มันจะถูกนำไปพูดคุยกันได้เสมอ แม้แต่เรื่องที่ไม่มีมูลความจริงก็มี บางเรื่องผมเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ดังนั้นผมจึงไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ครับ เหมือนกับที่ผมเคยพูดในวันเซ็นสัญญาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย ผมจะฟังแค่คนที่รู้จักผมจริงๆ เท่านั้น พวกเขาต่างหากที่สำคัญ ซึ่งช่วยผมได้มากเลยครับ เพราะคุณจะไม่มีทางได้ยินใครพูดว่า ยามาลรู้สึกเศร้าหรือดีใจเพราะคำพูดของคนอื่น ผมจะเดินหน้าไปตามทางของผมต่อไป ยึดมั่นในความเชื่อของตัวเอง และผมเชื่อว่าทัศนคติแบบนี้แหละที่พาผมมาถึงจุดนี้”

พูดถึง นีโก้ วิลเลียมส์ ที่เคยเกือบย้ายมาบาร์เซโลน่าเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา
“ผมเคยคุยกับเขาเรื่องนี้ครับ แต่ผมบอกเขาว่า ท้ายที่สุดแล้วมันคือเส้นทางอาชีพของเขา ผมยังเด็กเกินกว่าที่จะไปบอกใครว่าควรทำอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาต้องสนุกกับปัจจุบัน และมีความสุขไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ถ้าเขามีความสุข ผมก็มีความสุขไปด้วยครับ”

พูดถึงเฟร์มินที่ตัดสินใจอยู่ต่อ

“เขาอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขมาตลอดครับ ถ้าใครจะจากไป นั่นต้องเป็นการตัดสินใจของเขาเอง เราเป็นทีมที่ยังหนุ่มและสามัคคีกันมาก ไม่มีปัญหาระหว่างกันเลย ทุกคนมีความสุขกับช่วงเวลาที่สโมสรนี้ ผมไม่คิดว่ามีใครอยากย้ายไปไหน เราเคยถามเขาเล่นๆ เกี่ยวกับเรื่องที่อังกฤษ แต่เขาก็บอกเราว่าเขาอยากอยู่ต่อ และเขามีความสุขที่นี่”

พูดถึงเรื่องที่อยากพัฒนาตัวเอง

“การแอสซิสต์เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติสำหรับผมครับ ไม่ได้ตั้งใจจะทำเลย สไตล์การเล่นของผมทำให้ผมส่งแอสซิสต์ได้ง่ายๆ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผมค่อนข้างละเลยเรื่องการทำประตูไป ตอนนี้ผมจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้นครับ เพราะท้ายที่สุดแล้ว การทำประตูสำคัญกว่า นี่คือสิ่งที่ผมต้องตั้งมาตรฐานให้กับตัวเอง ทุกครั้งที่ผมไปถึงระดับหนึ่ง ผมก็อยากจะก้าวไปให้ไกลกว่านั้น ตอนนี้ผมกำลังพยายามทำประตูให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในขณะเดียวกันก็ต้องมีทัศนคติที่จะช่วยเหลือทีมอยู่เสมอ”

พูดถึงการเป็นคนยิงจุดโทษ

“ในฟุตบอล ประสบการณ์จะทำให้คุณได้รับความรับผิดชอบมากขึ้นครับ เมื่อเวลาผ่านไป ผมก็จะค่อยๆ รับผิดชอบมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างการยิงลูกฟรีคิกและจุดโทษ แต่ผมก็ไม่รีบร้อนครับ ผมมั่นใจที่จะรับผิดชอบเหล่านี้ ตราบใดที่ทีมเห็นชอบ ผมก็จะก้าวออกไปรับหน้าที่เหล่านี้ครับ”

พูดถึงฟุตบอลโลก

“เรามีความสามารถที่จะคว้าแชมป์โลกครับ แม้ว่ามันจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นทีมที่ดีที่สุดหรือไม่ก็ตาม แต่มันขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นในเกม, ทัศนคติที่ไม่ยอมแพ้ และความมุ่งมั่นที่จะทุ่มเทอย่างเต็มที่ ซึ่งนี่คือเป้าหมายที่เราจะพยายามทำให้สำเร็จในฟุตบอลโลก สำหรับทีมชาติที่จะเข้าร่วมทั้งหมด มันเป็นเหมือนความฝันครับ”

พูดถึง หลุยส์ เด ลา ฟูเอนเต้ โค้ชทีมชาติสเปน

“ผมรู้สึกขอบคุณเขามากครับ เขาเป็นหนึ่งในคนที่ปกป้องผมบ่อยที่สุด ผมเห็นด้วยกับเขาอย่างสิ้นเชิง การพูดถึงผมในช่วงหลังๆ ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เรื่องนอกสนาม แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเพราะผลงานในสนามของผมที่ทำให้ผู้คนสนใจ หากไม่มีผลงานในสนามของผม ก็จะไม่มีใครพูดถึงผม ไม่มีใครจะพูดถึงการจัดปาร์ตี้วันเกิดอายุ 18 ของนักฟุตบอลคนหนึ่ง หรือเรื่องส่วนตัวเล็กๆ น้อยๆ ของเขาเลย สำหรับเรื่องนี้ ผมรู้สึกสงบครับ เพราะคนที่สำคัญจริงๆ เข้าใจผม เด ลา ฟูเอนเต้ อยู่เคียงข้างผมเสมอ และผมจะรู้สึกขอบคุณเขาตลอดไป”