​สื่อเผยเบื้องหลังลิเวอร์พูลทุ่มงบมหาศาล: สุขภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งคือหัวใจสำคัญ

วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา พอล กอร์สท์ (Paul Gorst) นักข่าวจาก ลิเวอร์พูล เอคโค่ (Liverpool Echo) ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับการเสริมทัพครั้งใหญ่ของลิเวอร์พูลในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยเขาระบุว่าการใช้จ่ายมหาศาลนี้เป็นผลมาจาก สุขภาพทางการเงินโดยรวมของสโมสรที่แข็งแกร่ง

ลิเวอร์พูลทุ่มเงินกว่า 294 ล้านปอนด์ เสริมทัพรับฤดูกาลใหม่
สัปดาห์นี้ บรรดาแฟนบอลทีมคู่แข่งของลิเวอร์พูลต่างแสดงความประหลาดใจกับการใช้เงินของ "หงส์แดง" จนบางบัญชีถึงขั้นล้อเลียนว่าใต้สนามแอนฟิลด์คงจะเจอน้ำมันแน่ๆ ส่วนแฟนลิเวอร์พูลเองก็ยังคงสนุกกับการปล่อยทฤษฎีเสียดสีว่า การใช้จ่ายเกือบ 300 ล้านปอนด์ในซัมเมอร์นี้เป็นผลมาจาก "เงินก้อนสุดท้ายจากคูตินโญ่"

แน่นอนว่าเรื่องนี้ย้อนไปถึงการจากไปของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ที่ย้ายจากลิเวอร์พูลไปบาร์เซโลนาด้วยค่าตัว 142 ล้านปอนด์ เมื่อเดือนมกราคม 2018 ซึ่งเงินก้อนนี้ถูกนำไปใช้ซื้อ เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค และ อลิสซอน เบ็คเกอร์ เกือบจะทันที อย่างไรก็ตาม การถกเถียงในโลกออนไลน์เกี่ยวกับความสามารถในการใช้เงินที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันของลิเวอร์พูล ทำให้แฟนหงส์แดงหลายคนรู้สึกเพลิดเพลินไม่น้อย

ด้วยการเข้ามาของ อูโก้ เอกิติเก้ ด้วยค่าตัว 79 ล้านปอนด์ บวกกับ จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี ที่ลิเวอร์พูลบรรลุข้อตกลงกับบาเลนเซียเมื่อซัมเมอร์ที่แล้วด้วยค่าตัว 29 ล้านปอนด์ ทำให้ยอดรวมการใช้จ่ายของลิเวอร์พูลในการเสริมทัพนักเตะใหม่ 7 คน พุ่งสูงถึง 294 ล้านปอนด์ เลยทีเดียว

นักเตะที่ย้ายมาร่วมทีมด้วยค่าตัวสูงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรคือ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 116 ล้านปอนด์ ตามมาด้วย เจเรมี่ ฟริมปง ที่มีการจ่ายค่าฉีกสัญญา 29 ล้านปอนด์ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ยังมี ไมก์ คอร์เกซ เป้าหมายระยะยาวที่ย้ายมาจากบอร์นมัธด้วยค่าตัว 40 ล้านปอนด์ รวมถึงผู้รักษาประตูอย่าง ลุค พีจ (1.5 ล้านปอนด์) และ เฟรดดี้ วูดแมน (ย้ายฟรีจากเพรสตัน นอร์ท เอนด์) ที่เข้ามาเสริมการแข่งขันในทีมชุดท้องถิ่น

สโมสรมองว่าการใช้จ่ายนี้เป็นไปตามแผน ไม่ได้ฟุ่มเฟือยอย่างที่เห็น
เมื่อมองผิวเผิน การใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยในช่วงซัมเมอร์นี้ดูจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับแนวทางที่ระมัดระวังและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของ เฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (FSG) ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่ทว่าแนวคิดนี้ไม่ได้รับการยอมรับจากคนภายในถิ่นแอนฟิลด์เลย

ก่อนหน้านี้ ตลอดสองปีที่ผ่านมา ลิเวอร์พูลซื้อผู้เล่นชุดใหญ่เพียงคนเดียวคือ เฟเดริโก้ เคียซ่า ที่ย้ายมาจากยูเวนตุสด้วยค่าตัว 10 ล้านปอนด์เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว ซึ่งถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่มีความเสี่ยงต่ำเพื่อเปิดโอกาสให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้พักผ่อน การเซ็นสัญญาครั้งสำคัญล่าสุดก่อนที่เคียซ่าจะมาถึงในเดือนสิงหาคม 2024 คือ ไรอัน กราเฟนแบร์ค ที่ย้ายมาจากบาเยิร์นเมื่อ 12 เดือนที่แล้ว ซึ่งหมายความว่าก่อนเดือนมิถุนายน ลิเวอร์พูลมีการใช้จ่ายที่จำกัดมากสำหรับสโมสรขนาดนี้

ด้วยเหตุนี้ ผู้บริหารระดับสูงของลิเวอร์พูลจึงรู้สึกสบายใจกับงบประมาณ 300 ล้านปอนด์ในปี 2025 แม้จะมีความเป็นไปได้ที่จะมีการเสริมทัพเพิ่มเติมอีกก็ตาม แฟนบอลอาจคิดว่าตลาดซื้อขายนักเตะแต่ละครั้งเป็นเรื่องแยกกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เดือนแห่งการซื้อขายนักเตะไม่สามารถแยกออกจาก สุขภาพทางการเงินโดยรวมของสโมสร ได้เลย บางทีสิ่งที่สร้างความกังวลอย่างแท้จริงคือ การที่ลิเวอร์พูลสามารถใช้เงินในตลาดได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องเผชิญคำถามเหมือนคู่แข่งบางราย

ความสำเร็จทางการเงินและรายได้ที่เพิ่มขึ้นคือปัจจัยหลัก
ลิเวอร์พูลไม่จำเป็นต้องขายทีมหญิงหรือโรงแรมของสโมสรเพื่อแสดงความทะเยอทะยานนี้ และไม่มีข้อกล่าวหาเรื่องการใช้จ่ายในอดีตแขวนอยู่เหนือพวกเขา พวกเขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากเงินทุนของรัฐ และไม่มีปัญหากับกฎระเบียบด้านผลกำไรและความยั่งยืน ลิเวอร์พูลสามารถแบกรับการใช้จ่ายครั้งประวัติศาสตร์นี้ได้ ต้องขอบคุณการบริหารจัดการที่ดีในทุกส่วน การรักษาวินัยทางการเงินที่แสดงให้เห็นเมื่อปีที่แล้วก็มีส่วนช่วย เช่นเดียวกับรายได้มหาศาลจากการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกที่ต้องนำมาพิจารณาด้วย

ข้อตกลงใหม่กับ อาดิดาส ซึ่งมีมูลค่ารายงานอยู่ที่ 60 ล้านปอนด์ต่อปี จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ นอกจากนี้ ในการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รูปแบบใหม่ ทีมของ อาร์เน่อ สล็อต ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การแข่งขันนี้ทำกำไรได้มากที่สุด การทัวร์ปรีซีซันที่ฮ่องกงและญี่ปุ่นก็คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ และการขายนักเตะในช่วงซัมเมอร์นี้ก็ได้เงินมาแล้วกว่า 60 ล้านปอนด์ โดยคาดว่าจะมีนักเตะย้ายออกไปอีก

หากใครคิดว่านี่คือจุดสิ้นสุดของยุคที่แอนฟิลด์ค่อนข้างประหยัด ก็เป็นไปได้มากกว่าว่า อาร์เน่อ สล็อต และผู้อำนวยการกีฬา ริชาร์ด ฮิวจ์ส กำลังสร้างทีมที่ยั่งยืนในระยะยาว เช่นเดียวกับที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ และ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ เคยทำไว้เมื่อหลายปีก่อน หลังจากเซ็นสัญญากับฟาน ไดจ์คในเดือนมกราคม 2018 พวกเขาก็ได้ดึงตัวอลิสซอน, ฟาบินโญ่, เกอิต้า และชากีรี่ เข้ามาร่วมทีมในอีกไม่กี่เดือนถัดมา

สิ่งนี้ทำให้ลิเวอร์พูลมีขุมกำลังที่สดใหม่และสามารถคว้าถ้วยรางวัลสำคัญได้ทุกรายการระหว่างปี 2019 ถึง 2022 และตอนนี้ สล็อตกับทีมของเขาก็มีเป้าหมายเดียวกัน แต่การใช้จ่ายมหาศาลอีกครั้งในซัมเมอร์หน้าไม่ใช่สิ่งที่สโมสรคาดหวัง ทีมชุดนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อคว้าชัยชนะในปัจจุบัน ซึ่งหมายความว่าในปี 2026 จะไม่จำเป็นต้องมีการลงทุนที่สูงถึงขนาดนี้อีกต่อไป