หลุยส์ เอ็นรีเก้ เปิดใจ! "ผมแค่พยายามแยกนักเตะ!" หลังเกมเดือดนัดชิงสโมสรโลก

เพื่อนๆ ครับ มีประเด็นร้อนหลังเกมนัดชิงชนะเลิศ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ที่ปารีส แซงต์-แชร์กแมง พ่ายเชลซีไป 0-3 จนถึงกับมีเหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้นหลังเกม และกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะภาพที่ หลุยส์ เอ็นรีเก้ กุนซือของเปแอสเช ถูกจับภาพได้ว่า "ผลัก" ชูเอา เปโดร นักเตะเชลซีจนล้มลงไปกองกับพื้น

ล่าสุด เอ็นรีเก้ ได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วครับ เขาบอกว่า "ผมแค่พยายามแยกผู้เล่นออกจากกัน" และยืนยันว่าถึงแม้ฉากนั้น "ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด" แต่เจตนาของเขาคือต้องการให้สถานการณ์สงบลง

แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า หลังสิ้นเสียงนกหวีดหมดเวลา เปโดร, จานลุยจิ ดอนนารุมม่า และ อาชราฟ ฮาคิมี่ ต่างมีปากเสียงและปะทะกันอย่างดุเดือด ก่อนที่เอ็นรีเก้จะก้าวเข้ามากลางวงและปรากฏภาพที่เขาผลักเปโดรออกไป

"ผมไม่มีปัญหาที่จะแสดงความรู้สึกของตัวเองในช่วงท้ายเกมท่ามกลางความกดดันสูง" เอ็นรีเก้กล่าวกับผู้สื่อข่าว "มันสร้างความเครียดให้กับเราทุกคนมาก หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ทุกคนร่วมวง มันไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดและไม่ใช่ผลลัพธ์สุดท้ายของความกดดันในการแข่งขัน"

อดีตกุนซือทีมบาร์เซโลน่ายังกล่าวเสริมว่า "ผมเคยเห็น (โค้ชเชลซี เอนโซ่] มาเรสก้า) ผมเห็นเขากดดันคนอื่น และเราต้องแยกผู้เล่นออกจากกัน ผมไม่รู้ว่าแรงกดดันนั้นมาจากไหน แต่นี่เป็นสถานการณ์ที่เราทุกคนต้องหลีกเลี่ยง ไม่ต้องพูดก็รู้ ผมตั้งใจแยกผู้เล่นออกจากกัน เพื่อที่สถานการณ์จะได้ไม่เลวร้ายลงไปอีก"

ความพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศสโมสรโลกครั้งนี้ ถือเป็นการพลาดโอกาสคว้าแชมป์โลกของเปแอสเชอย่างน่าเสียดาย หลังจากที่พวกเขาเพิ่งจะคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาได้ เอ็นรีเก้ได้ให้กำลังใจลูกทีมด้วยการกล่าวว่าทีมของเขาไม่ใช่ "ผู้แพ้"

"เราไม่ใช่ผู้แพ้ ไม่มีใครแพ้" เขากล่าว "เราคือรองแชมป์ ผู้แพ้คือคนที่ยอมแพ้ ในกีฬาระดับสูงเช่นนี้ ย่อมไม่มีใครแพ้ใคร"

หลังจากจบฤดูกาลอันยาวนานและเข้มข้น ตอนนี้ หลุยส์ เอ็นรีเก้ และลูกทีมเปแอสเชจะได้พักผ่อน ก่อนที่จะกลับมาลงสนามอีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์วันที่ 17 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันเปิดฤดูกาลของลีก เอิง

สถานการณ์หลังเกมที่ดุเดือดนี้ แสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดและอารมณ์ร่วมในเกมนัดชิงชนะเลิศได้เป็นอย่างดี แล้วเพื่อนๆ คิดว่าการกระทำของเอ็นรีเก้นั้นสมควรหรือไม่ครับ?