​ภารกิจซื้อขายของเอฟเวอร์ตันที่กองพะเนิน: เดินหน้าคุยสัญญาใหม่กับบรานธ์เวทและเกย์

วันที่ 22 มิถุนายน The Athletic รายงานบทวิเคราะห์เกี่ยวกับตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ของเอฟเวอร์ตัน

บรานธ์เวท กลับมาเป็นประเด็นหลักอีกครั้ง หนึ่งปีก่อน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เคยพยายามใช้ประโยชน์จากปัญหาทางการเงินของเอฟเวอร์ตัน โดยยื่นข้อเสนอสองครั้งซึ่งต่ำกว่าค่าตัวที่เอฟเวอร์ตันต้องการประมาณ 75 ล้านปอนด์อย่างมาก เพื่อขอซื้อบรานธ์เวท ในช่วงซัมเมอร์นี้ กระแสคาดเดาเรื่องการย้ายทีมยังคงร้อนแรง โดยท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ กลายเป็นทีมที่มีแนวโน้มมากที่สุด แต่เอฟเวอร์ตันได้ใช้จุดยืนที่แข็งกร้าวมากขึ้นกับบรานธ์เวท เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งซัมเมอร์ที่แล้วพวกเขายังยอมรับหลักการที่ว่า "จะขายหากมีข้อเสนอที่เหมาะสมเข้ามา" แต่ตอนนี้ เอฟเวอร์ตันได้แจ้งกับทีมที่สนใจว่าพวกเขาต้องการรั้งตัวนักเตะทีมชาติอังกฤษรายนี้ไว้

การต่อสัญญาก็เป็นขั้นตอนต่อไปที่สมเหตุสมผล สำหรับบรานธ์เวทวัย 22 ปี เอฟเวอร์ตันมีความมั่นคงอย่างเต็มที่ เนื่องจากผู้เล่นเหลือสัญญาอีกสองปี บวกออปชันต่อสัญญาของสโมสรอีกหนึ่งปี แต่สถานการณ์ของเขาพิเศษ การต่อสัญญาครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงปี 2023 ตอนนั้นเขาเพิ่งก้าวขึ้นมายึดตำแหน่งตัวจริงได้อย่างมั่นคง ขณะที่ตอนนี้เขากลายเป็นผู้เล่นแกนหลัก แต่ไม่ใช่กลุ่มที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงสุดของทีม ความไม่สมดุลนี้จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน สโมสรได้แสดงความตั้งใจสองประการต่อเขา คือรั้งตัวไว้ในช่วงซัมเมอร์นี้ พร้อมยื่นสัญญาใหม่ให้ โดยขณะนี้การเจรจายังคงอยู่ในขั้นเริ่มต้นของการสำรวจ

นี่ได้กลายเป็นประเด็นสำคัญสำหรับกลุ่มเจ้าของใหม่ Friedkin Group, กุนซือ มอยส์ และซีอีโอ แองกัส คินเนียร์ เป็นที่น่าสังเกตว่า ในขณะที่ผู้เล่นคนอื่นๆ กำลังจะเข้าสู่ 12 เดือนสุดท้ายของสัญญา เช่น รองกัปตันทีม ทาร์คอฟสกี้, กองกลาง เจมส์ การ์เนอร์ และแบ็คซ้าย วิทาลี มิกอเลนโก้ สโมสรได้ให้ความสำคัญกับการเริ่มต้นการต่อสัญญาของบรานธ์เวทก่อน การสร้างเขาให้เป็นแกนหลักของทีมและต้านทานแรงกดดันในการซื้อตัว จะถูกมองว่าเป็นการประกาศเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่น แน่นอนว่า สโมสรก็ไม่ต้องการถูกมองว่าถอยกลับจากจุดยืนเดิม

หากการต่อสัญญาสำเร็จจะช่วยเพิ่มอำนาจต่อรอง แต่ถึงกระนั้น กระแสความสนใจในการซื้อตัวก็คงยากที่จะสงบลง การดำเนินการต่อจากนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง สิ่งนี้จะเป็นบททดสอบว่า Friedkin Group จะสามารถเปลี่ยนเจตนาเชิงบวกให้เป็นการกระทำที่เป็นรูปธรรมได้หรือไม่

การเซ็นสัญญาผู้เล่นคนแรกของเอฟเวอร์ตันในช่วงซัมเมอร์นี้ได้ข้อสรุปแล้ว พวกเขาใช้ออปชันซื้อขาด อัลการาซ ผู้เล่นที่ยืมตัวมา ด้วยค่าตัว 15 ล้านยูโร กองกลางรายนี้จะย้ายมาร่วมทีมอย่างเป็นทางการในปลายเดือนนี้ แต่ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ประเด็นหลักยังคงอยู่ที่ผู้เล่นที่สัญญากำลังจะหมดอายุ สัญญาของกัปตันทีม ซีมัส โคลแมน, กองกลาง เกย์, กองหน้า โดมินิก คัลเวิร์ต-ลูอิน และกองหลัง ไมเคิล คีน ทั้งหมดจะหมดอายุในเดือนนี้

สโมสรได้ยื่นสัญญาใหม่ให้กับ โคลแมน แล้ว และกำลังเจรจากับ เกย์ ต่อไป เอฟเวอร์ตันไม่ต้องการยื่นสัญญาระยะยาวให้กับนักเตะทีมชาติเซเนกัลวัย 35 ปีรายนี้ โดยต้องการต่อสัญญาแบบ 1+1 ปีมากกว่า แม้ว่า เกย์ จะยังคงรักษาฟอร์มการเล่นได้ดี แต่ในฐานะผู้เล่นที่ได้รับค่าเหนื่อยสูง ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงขั้นสุดท้ายได้ ในขณะที่แดนกลางจำเป็นต้องสร้างใหม่ เอฟเวอร์ตันต้องการหลีกเลี่ยงการเพิ่มปัญหาเข้ามาอีก

ผ่านการทำงานของผู้อำนวยการฝ่ายสรรหานักเตะคนใหม่ นิค แฮมมอนด์ และ มอยส์ สโมสรยังคงติดต่อกับฝ่ายของ คีน และ คัลเวิร์ต-ลูอิน โดยไม่ปิดโอกาสการต่อสัญญา แต่ คีน ได้รับข้อเสนอจากพรีเมียร์ลีก, แชมเปี้ยนชิพ และ เมเจอร์ลีก ซอกเกอร์ (MLS) เขาต้องการสัญญาฉบับยาว แหล่งข่าวเปิดเผยว่า คัลเวิร์ต-ลูอิน มีแนวโน้มที่จะย้ายออกมากกว่า ขณะนี้การเจรจามีความคืบหน้าน้อย สโมสรยังคงยึดมั่นในจุดยืนที่เข้มงวด ในขณะที่กองหน้าวัย 28 ปีรายนี้ต้องการสัญญาที่มีค่าเหนื่อยสูงและระยะยาว

ความไม่แน่นอนนี้ บวกกับการที่ อาร์มันโด โบรย่า กลับไปเชลซี กระตุ้นให้เอฟเวอร์ตันต้องเข้าสู่ตลาดกองหน้า เมื่อเดือนที่แล้ว The Athletic รายงานความสนใจของพวกเขาต่อกองหน้าวัย 22 ปีของบียาร์เรอัล เทียร์นี่ แบร์รี่ นักเตะทีมชาติฝรั่งเศส U21 รายนี้ยังคงเป็นเป้าหมายหลัก แต่การเจรจามีความซับซ้อนเนื่องจากผู้เล่นเข้าร่วมการแข่งขันยูโร U21 และเงื่อนไขค่าฉีกสัญญา 40 ล้านยูโร เอฟเวอร์ตันหวังที่จะเจรจากับสโมสรในลาลีกามากกว่าที่จะใช้งานเงื่อนไขค่าฉีกสัญญาโดยตรง

มอยส์ ยังคงมีส่วนร่วมในงานสรรหานักเตะอย่างต่อเนื่อง เขาชมการแข่งขันสโมสรโลกจากฐานที่ไมอามี แม้ว่าสโมสรกำลังประเมินเป้าหมายหลายราย แต่เนื่องจากการปรับโครงสร้างฝ่ายบริหารและข้อจำกัดของกฎควบคุมผลกำไรและความยั่งยืนทางการเงิน (FFP) การซื้อขายที่สำคัญในช่วงซัมเมอร์นี้จึงน่าจะกระจุกตัวอยู่ในช่วงปลายตลาด สิ่งที่น่าหนักใจคือ ภารกิจที่เอฟเวอร์ตันจำเป็นต้องจัดการกำลังกองพะเนิน และความเงียบงันของตลาดซื้อขายก็คงอยู่ได้ไม่นานอย่างแน่นอน