บอร์นมัธส่อแววทีมแตก? ไคลเวิร์ตส่งซิกชัด พร้อมเก็บกระเป๋าย้ายซบห้างยา

วงในสโมสรบอร์นมัธเริ่มปั่นป่วนอีกครั้ง หลังมีรายงานด่วนจาก ฟุตบอล อินไซเดอร์ สื่อที่น่าเชื่อถือ เผยว่า จัสติน ไคลเวิร์ต กองหน้าตัวเก่งของทีม ได้แสดงความจำนงชัดเจนว่าพร้อมที่จะย้ายออกจากถิ่นไวทาลิตี้ สเตเดี้ยม ในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยมีเป้าหมายคือ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น แชมป์บุนเดสลีกา เยอรมัน ฤดูกาลล่าสุด

แหล่งข่าวใกล้ชิดระบุว่า ไคลเวิร์ตได้แจ้งกับเอเย่นต์ส่วนตัวแล้วถึงความต้องการย้ายทีม ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับทิศทางของสโมสรที่กำลังเผชิญภาวะ "เลือดไหล" อย่างต่อเนื่อง การย้ายทีมของแข้งตัวหลักอย่าง ดีน เฮาเซ่น ที่เพิ่งตกลงไปอยู่กับ เรอัล มาดริด และ มิลอส เคอร์เคซ แบ็กซ้ายอนาคตไกลที่เตรียมจะย้ายไปร่วมทัพลิเวอร์พูลในอีกไม่ช้า กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ดาวเตะชาวดัตช์เริ่มไม่มั่นใจในอนาคตของทีม

ขณะเดียวกัน ทางฝั่ง "ห้างขายยา" เลเวอร์คูเซ่น ก็กำลังมองหาตัวรุกคนใหม่เข้ามาแทนที่ โฟลเรียน เวียร์ตซ์ เพลย์เมกเกอร์อัจฉริยะที่เพิ่งย้ายไปอยู่กับลิเวอร์พูลแบบช็อกวงการ การเสียเวียร์ตซ์ไปทำให้ เอริค เทน ฮาก ต้องรีบหาตัวแทนที่มีความสามารถในการสร้างสรรค์เกมและจบสกอร์ ซึ่งคุณสมบัติของไคลเวิร์ตนั้นตรงตามสเปกทุกประการ โดยมีรายงานว่าทีมแมวมองของเลเวอร์คูเซ่นติดตามฟอร์มของเขามาสักพักใหญ่แล้ว

สถานการณ์ของบอร์นมัธยิ่งน่าเป็นห่วงมากขึ้น เมื่อมีข่าวว่านักเตะคนสำคัญอีกสองรายอย่าง อิลลิย่า ซาบาร์นี่ ปราการหลังตัวกลาง และ อองตวน เซเมนโย่ กองหน้าความเร็วสูง ก็กำลังได้รับความสนใจอย่างหนักจากสโมสรคู่แข่งในพรีเมียร์ลีกเช่นกัน หากการย้ายทีมเกิดขึ้นจริง อาจทำให้โครงสร้างหลักของทีมที่ทำผลงานได้ดีในฤดูกาลก่อนพังทลายลง

อย่างไรก็ตาม การย้ายทีมครั้งนี้อาจไม่ใช่เรื่องง่ายเสียทีเดียว แม้ว่า บิล โฟลี่ย์ เจ้าของสโมสรบอร์นมัธ จะเคยให้สัมภาษณ์ว่าพร้อมเปิดทางให้นักเตะย้ายทีมหากได้รับข้อเสนอที่ "เหมาะสม" ก็ตาม แต่ด้วยฟอร์มการเล่นอันร้อนแรงของไคลเวิร์ตในฤดูกาลที่ผ่านมา ที่กดไปถึง 13 ประตู กับอีก 8 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 39 นัด ทำให้คาดว่าบอร์นมัธจะตั้งค่าตัวของเขาไว้สูงลิ่วอย่างแน่นอน

ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าบทสรุปของเรื่องนี้จะลงเอยอย่างไร แต่สัญญาณที่ออกมาจากฝั่งนักเตะค่อนข้างชัดเจนว่าใจของเขาไม่ได้อยู่กับทีมอีกต่อไปแล้ว การเจรจาระหว่างบอร์นมัธและเลเวอร์คูเซ่นน่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์สำคัญว่า "เดอะ เชอร์รี่ส์" จะสามารถรั้งแกนหลักของทีมเอาไว้ได้หรือไม่ หรือจะต้องยอมเสียดาวเด่นไปอีกราย