"หัวร้อนสิครับ!" เอ็มบัปเป้ฉุนขาดหลัง ‘ตราไก่’ ไล่ไม่ทัน พ่าย ‘กระทิงดุ’ สุดมันส์ 4-5 ชวดเข้าชิงเนชั่นส์ ลีก

"โคตรเซ็ง!" คงเป็นคำที่นิยามความรู้สึกของ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และพลพรรค "ตราไก่" ฝรั่งเศส ได้ดีที่สุด หลังพวกเขาต้องพกความผิดหวังกลับบ้าน เมื่อพลาดท่าพ่ายให้กับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง "กระทิงดุ" สเปน ไปในเกมรอบรองชนะเลิศ ศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ด้วยสกอร์สุดเดือด 4-5 ชนิดที่ว่าแฟนบอลลุ้นกันจนลืมหายใจ แม้จะโชว์สปิริตนักสู้ไล่บี้จากที่ตามหลัง 1-5 จนเกือบทำเรื่องเหลือเชื่อได้สำเร็จก็ตาม

เกมที่เอ็มเอชพีอารีน่า เมืองสตุ๊ตการ์ท กลายเป็นเหมือนฝันร้ายของทัพเลส์ เบลอส์ เมื่อพวกเขาโดนพายุเกมบุกของกระทิงดุถล่มยับเยินตั้งแต่ครึ่งแรกและต้นครึ่งหลัง โดยสเปนได้ประตูจากฟอร์มอันร้อนแรงของ ลามีน ยามาล ที่เหมาคนเดียว 2 ประตู บวกกับ นิโก้ วิลเลียมส์, มิเกล เมริโน่ และ เปดรี้ ช่วยกันบวกสกอร์เพิ่ม ทำให้สเปนทะยานนำห่างไปไกลถึง 5-1 ซึ่งถือเป็นการเสีย 5 ประตูในเกมเดียวของฝรั่งเศสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1969 เลยทีเดียว

แต่ขึ้นชื่อว่าทีมตราไก่ พวกเขาก็ไม่ยอมตายง่ายๆ หลังจากได้ประตูตีไข่แตกจากจุดโทษของ เอ็มบัปเป้ พวกเขาก็รวมพลังกันเปิดเกมบุกระลอกใหญ่ และมาได้ประตูไล่มาจาก รายัน แชร์กี้, การทำเข้าประตูตัวเองของ ดานี่ บิเบียน และลูกโขกในช่วงท้ายเกมของ ร็องดาล โคโล มูอานี่ จุดประกายความหวังให้แฟนบอลฝรั่งเศสอีกครั้ง แต่สุดท้ายไล่ไม่ทัน จบเกมไปด้วยความพ่ายแพ้ที่แสนเจ็บปวด

หลังเกม เอ็มบัปเป้ กัปตันทีมชาติฝรั่งเศส ได้ให้สัมภาษณ์กับ TF1 ด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่น "ถ้าพูดกันตามตรง เราเล่นกันได้ดีนะ มีหลายช่วงที่เราทำในสิ่งที่ไม่เคยทำได้มาพักใหญ่แล้ว แต่เราก็มีช่วง 10 นาทีที่หลุดไปดื้อๆ ในครึ่งแรกแล้วก็เสีย 2 ประตู ครึ่งหลังก็เหมือนกัน เรายืนระยะไม่ได้ครบ 90 นาที"

"แน่นอนว่าเราหัวร้อนสุดๆ เราผิดหวังมาก" สตาร์ดังเปแอสเชกล่าวต่อ "ผมไม่เห็นด้วยกับการทดเวลาของผู้ตัอสินเลย แต่ถ้าผมพูดมากไป เดี๋ยวคนก็จะหาว่าผมขี้โมโห แต่เมื่อคุณทดเวลา 5 นาที คุณก็ต้องเล่นให้ครบ 5 นาทีสิ!"

ด้าน ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์ กุนซือเลือดน้ำหอมยอมรับว่าเป็นความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไปหมด "การตามหลัง 0-2 ในครึ่งแรกมันโหดร้ายมากเพราะเรามีโอกาสเยอะ พอโดนนำ 1-5 แต่เราก็ไม่ยอมแพ้ เราทำสิ่งดีๆ หลายอย่าง และมีช่วงที่คุมเกมได้ดีกว่าสเปนด้วยซ้ำ"

"ผมจะไม่โทษกองหลังอย่างเดียวหรอก เมื่อคุณมีผู้เล่นสามคน (โกนาเต้, ลองเล่ต์, คาลูลู) ที่ไม่ได้ลงเล่นด้วยกันบ่อยๆ เหมือนชุดหลัก ความเข้าใจกันในสนามมันไม่ได้เกิดขึ้นได้แค่ดีดนิ้วหรอกนะ" เดส์ชองส์กล่าวปกป้องแนวรับที่ถูกวิจารณ์

ความพ่ายแพ้นัดนี้ทำให้ฝรั่งเศสต้องหล่นไปเล่นในนัดชิงอันดับ 3 กับ "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี ในวันอาทิตย์นี้ ขณะที่สเปนจะทะลุเข้าไปชิงชนะเลิศต่อไป บทเรียนราคาแพงในเกมรับและความผิดหวังของเอ็มบัปเป้ จะถูกแปรเปลี่ยนเป็นพลังให้พวกเขากลับมาได้หรือไม่ แฟนบอลคงต้องตามให้กำลังใจกันต่อ