'ฮาคิมี่-ดูเอ้' สดุดี 'เอ็นริเก้' ผู้นำทัพ เปแอสเช ผงาดคว้าแชมป์ยุโรป – 'สร้างประวัติศาสตร์ให้สโมสร'
ควันหลงจากชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในค่ำคืนที่มิวนิคยังคงอบอวลไปทั่ว เมื่อเหล่าขุนพล "เปแอสเช" ต่างออกมาแสดงความชื่นชมต่อ หลุยส์ เอ็นริเก้ ผู้ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงทีมและพาสโมสรก้าวไปสู่จุดสูงสุดของวงการฟุตบอลยุโรปได้สำเร็จ โดย อัชราฟ ฮาคิมี่ แบ็กขวาชาวโมร็อกโก ผู้เบิกสกอร์แรกในเกมแห่งความฝันตั้งแต่นาทีที่ 12 ได้กล่าวยกย่องเจ้านายของเขาว่า:
"เขาคือบุรุษผู้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างที่ เปแอสเช" ฮาคิมี่ กล่าวถึง เอ็นริเก้ อย่างเต็มภาคภูมิ "นับตั้งแต่เขามาที่นี่ เขาได้เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อฟุตบอล เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์ และเขาสมควรได้รับสิ่งนี้ (แชมป์) มากกว่าใครๆ" คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเคารพและศรัทธาที่นักเตะมีต่อโค้ชของพวกเขา
ผลงานส่วนตัวของ ฮาคิมี่ ในฤดูกาลนี้ก็ไม่ธรรมดา เขามีส่วนร่วมกับประตูถึง 9 ลูก (ยิง 4, แอสซิสต์ 5) ในแชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดเทียบเท่ากับ เอียน ฮาร์ท ที่เคยทำไว้กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 2000-01 (ยิง 3, แอสซิสต์ 6) ในฐานะกองหลังที่ทำผลงานเกมรุกได้โดดเด่นที่สุดในหนึ่งแคมเปญของรายการนี้
"เราได้สร้างประวัติศาสตร์ เราได้จารึกชื่อของเราลงในประวัติศาสตร์ของสโมสรแห่งนี้" ฮาคิมี่ กล่าวเสริมด้วยความภาคภูมิใจ "เป็นเวลานานมากที่สโมสรแห่งนี้สมควรได้รับมัน เรามีความสุขมาก เราได้สร้างครอบครัวที่ยอดเยี่ยมขึ้นมา"
ทางด้าน เดซิเร่ ดูเอ้ ปีกดาวโรจน์วัย 19 ปี 362 วัน ผู้สวมบทพระเอกในเกมนี้ด้วยการทำ 2 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์ สร้างสถิติเป็นนักเตะคนแรกที่มีส่วนร่วมถึง 3 ประตูในนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้งยังเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงได้อย่างน้อย 2 ประตูในนัดชิงฯ และเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทั้งยิงทั้งจ่ายในเกมตัดสินแชมป์ของรายการนี้ เจ้าตัวกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า:
"ผมไม่มีคำพูดใดๆ เลยครับ" ดูเอ้ ให้สัมภาษณ์กับ TNT Sports "มันช่างเหลือเชื่อสำหรับผม มันน่าทึ่งจริงๆ"
เมื่อถูกถามถึง หลุยส์ เอ็นริเก้ ปีกความเร็วสูงรายนี้ก็ไม่พลาดที่จะกล่าวชื่นชม: "เขาอยู่ที่นี่มาสองปี และเขาก็สร้างประวัติศาสตร์ให้กับสโมสร ทั้งในด้านแท็กติก ด้านจิตใจ เขาเป็นโค้ชที่ดีจริงๆ ไม่ใช่แค่ในฐานะโค้ช แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งด้วย มันเป็นความสุขที่ได้ร่วมงานกับเขา"
ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ เปแอสเช ได้ชูถ้วย "บิ๊กเอียร์" เป็นครั้งแรก แต่ยังทำให้ หลุยส์ เอ็นริเก้ กลายเป็นกุนซือคนที่ 6 ในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้กับสองสโมสรที่แตกต่างกัน (บาร์เซโลน่า และ เปแอสเช) ต่อจาก คาร์โล อันเชล็อตติ, อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์, โชเซ่ มูรินโญ่, จุ๊ปป์ ไฮย์เกส และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้จัดการทีมคนที่สองต่อจาก เป๊ป ที่คว้าทริปเปิ้ลแชมป์กับสโมสรในยุโรปได้ถึงสองครั้ง (บาร์เซโลน่า 2014-15 และ เปแอสเช ฤดูกาลนี้)
คำชื่นชมจากลูกทีมคนสำคัญอย่าง อัชราฟ ฮาคิมี่ และ เดซิเร่ ดูเอ้ เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างชัดเจนถึงอิทธิพลอันยิ่ งใหญ่ของ หลุยส์ เอ็นริเก้ ที่มีต่อ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เขาไม่ได้เป็นเพียงแค่โค้ชที่เก่งกาจด้านแท็กติก แต่ยังเป็นผู้นำที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจและหลอมรวมทีมให้เป็นหนึ่งเดียว จนสามารถก้าวไปคว้าความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในระดับสโมสรยุโรปได้สำเร็จ เรียกได้ว่า "เอ็นริเก้" คือ "เดอะ แมน" ผู้มา "พลิกฟ้า" ให้กับ เปแอสเช อย่างแท้จริง!
จาก:ข่าวฮอต
โพสต์ฮอต
-
พรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ: ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ vs ลิเวอร์พูล -
พรีวิวฟุตบอล บุนเดสลีกา เยอรมัน: โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ vs โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค -
พรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ: แอสตัน วิลล่า vs แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด -
พรีวิวฟุตบอล ปรีไมราลีกา โปรตุเกส: เอสโตริล vs สปอร์ติ้ง บราก้า -
พรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ: นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด vs เชลซี -
พรีวิวฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ: เอฟเวอร์ตัน vs อาร์เซน่อล



