​หากผลงานของแมนยูไม่ดีขึ้นในฤดูกาลหน้า อาโมริมจะถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักขึ้น

หลังจากพ่ายแพ้ต่อท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดรั้งอันดับที่ 15 ในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก รายงานล่าสุดจาก Manchester Evening News ระบุว่า อนาคตของอาโมริมจะตกอยู่ในความสงสัยหากผลงานของทีมไม่ดีขึ้นในฤดูกาลหน้า

สื่อดังกล่าวระบุว่า สำหรับบางคน ฤดูกาลนี้ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจบลงแล้ว ทีมของอาโมริมยังต้องการแต้มอีกเล็กน้อยเพื่อความปลอดภัย พวกเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มากกว่า 40 คะแนน อาจจะด้วยการเอาชนะฟูแล่มในบ้านในเอฟเอคัพ และไปเล่นที่เวมบลีย์ หรือผ่านเข้ารอบลึกๆ ในยูโรปาลีก

แต่เป้าหมายเหล่านี้มีความเป็นไปได้แค่ไหน? โอกาสคว้าแชมป์ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดริบหรี่ลงมากเนื่องจากอาหมัดจะพลาดลงเล่นตลอดช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาล และฟูแล่มหวังที่จะเอาชนะแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในเอฟเอคัพ เมื่อพิจารณาจากฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ในช่วงหลัง

ด้วยการไม่มีทีมจากแชมเปียนส์ลีกร่วมแข่งขันในยูโรปาลีกในฤดูกาลนี้ ระดับของทีมที่เข้าร่วมแข่งขันอาจอ่อนลง แต่ก็ยังมีอีกประมาณ 6 ทีมที่สามารถทำผลงานได้ในระดับเดียวกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในการแข่งขันสองนัด ตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ

ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่าฤดูกาลนี้ของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจบลงแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ก็แค่การประคับประคองหน้าตา และเป็นโอกาสให้นักวิจารณ์ได้ซ้ำเติม ส่วนที่เหลือไม่มีความสำคัญอะไรมากนัก อย่างน้อยในทางทฤษฎีก็เป็นเช่นนั้น

แต่มันมีความสำคัญ มันสำคัญสำหรับอาโมริม และสำคัญต่อมุมมองเกี่ยวกับการคุมทีมของเขาในฤดูกาลหน้า สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้ไม่สามารถลบออกไปได้ แม้ว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอยากจะแสร้งทำเป็นว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น

อาโมริมตั้งใจจะรับงานนี้ในช่วงซัมเมอร์ แต่เมื่อแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดติดต่อสปอร์ติ้งในเดือนพฤศจิกายน เขาได้รับแจ้งว่าถึงเวลาแล้ว เขารู้ว่าเขาต้องมีช่วงปรีซีซั่นกับนักเตะ และต้องการตลาดซื้อขายนักเตะที่เหมาะสมเพื่อปรับปรุงทีม และเขาจะถูกตัดสินอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อเขาผ่านสิ่งเหล่านี้มาแล้ว

ปัญหาคือ เขาจะถูกตัดสินจากสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าผลงานของเขาจะไม่แย่ เขาอาจจะไม่ได้รับแรงกดดันใดๆ และถูกมองว่าไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่หากเริ่มต้นฤดูกาลหน้าได้ไม่ดี มุมมองเกี่ยวกับฤดูกาลนี้จะเปลี่ยนไป ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับเขา

หากช่วงไม่กี่เดือนสุดท้ายของฤดูกาลนี้เป็นไปในแบบเดียวกับช่วงก่อนหน้า อาโมริมจะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ต้องพัฒนาขึ้นในช่วงต้นฤดูกาล 2025-26 ขณะนี้พอมีข้อแก้ตัวอยู่บ้าง แต่ถ้าไม่มีข้อแก้ตัวเหล่านี้ และผลงานไม่ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว สถานการณ์ของอาโมริมจะน่าจับตามองมากขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลงานของทีมที่เขานำอยู่ในขณะนี้แทบจะเป็นหายนะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และนับตั้งแต่ที่เขามาแทนที่เทน ฮาก สถานการณ์ก็ไม่ได้ดีขึ้น แต่กลับแย่ลง

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแพ้ 8 จาก 12 นัดหลังสุดในลีก โดย 5 นัดในจำนวนนั้นยิงประตูไม่ได้ พวกเขารั้งอันดับที่ 15 ของตาราง และเมื่อพิจารณาจากอาการบาดเจ็บ สถานการณ์ที่ดีที่สุดคือการขยับขึ้นไปอีกสองสามอันดับตั้งแต่บัดนี้จนถึงสิ้นสุดฤดูกาล

ขณะนี้ มีความเชื่อว่าอาโมริมไม่มีผู้เล่นที่จำเป็นต่อการทำให้ระบบของเขาทำงานได้ แต่ก็มีความอดทนที่จะเชื่อว่า สถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงได้ หากเขาสามารถหานักเตะที่มีความสามารถพอที่จะเล่นในบทบาทที่เฉพาะเจาะจงและตรงตามความต้องการทางกายภาพของเขา การเซ็นสัญญากับโดกูด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นแรก

แต่ทุกความพ่ายแพ้หมายถึงความเสี่ยงที่อาโมริมจะสูญเสียความเชื่อมั่นในแนวทางการคุมทีมของเขา ต้องแพ้อีกกี่นัด กว่าที่นักเตะหรือผู้บริหารจะเริ่มตั้งคำถามว่าเส้นทางนี้ถูกต้องหรือไม่? การแพ้เอฟเวอร์ตันของมอเยสในสุดสัปดาห์หน้าจะเป็นเรื่องที่เลวร้ายเป็นพิเศษ การแพ้อิปสวิชของแม็คเคนน่าก็แย่พอกัน

หากยังมีความสงสัยเหล่านี้วนเวียนอยู่ในใจของผู้เล่นก่อนเริ่มฤดูกาลหน้า วิธีการของเขาก็จะนำไปใช้ได้ยาก และหากอาโมริมเริ่มต้นฤดูกาลหน้าด้วยความมั่นใจของผู้เล่นคนสำคัญในทีมที่ลดลงจากเดือนพฤศจิกายน แรงกดดันภายในแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดก็จะเพิ่มขึ้น

มีทฤษฎีหนึ่งที่ว่า การคุมทีมที่แท้จริงของอาโมริมจะเริ่มต้นในช่วงซัมเมอร์นี้ ถ้ามันง่ายอย่างนั้นก็คงจะดี การตัดสินอาจจะเริ่มต้นขึ้นในตอนนั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไม่สามารถลบออกไปหรือลืมได้ และหากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดไม่เคลื่อนไหวในตลาดซื้อขายนักเตะ มุมมองเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้อาจเริ่มเปลี่ยนไป